https://www.thaistudyabroad.com

เรียนฟรีที่เยอรมัน

เรียนฟรีที่เยอรมัน กับ Sprachcaffe Languages Plus

Sprachcaffe Languages PLUS German Pathways

ข้อดีของ German Pathways to University Program ของโรงเรียน Sprachcaffe คือ?

–          โรงเรียน Sprachcaffe จะช่วยนักเรียนพัฒนาทักษะภาษาเยอรมันให้สามารถสอบ TestDaF ได้คะแนนสูงถึงเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยที่เยอรมนีกำหนดไว้ ทั้งป.ตรี และ ป.โท

–          แค่นักเรียนมีภาษาเยอรมันระดับ beginner-A1 ก็สมัครเรียนหลักสูตรนี้ได้เลย

–          ได้เรียนฟรี ไม่มีค่าเทอม ขณะเรียน ป.ตรี และป.โท ที่มหาวิทยาลัยของรัฐบาล สามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้

–          เมื่อเรียนจบ สามารถหางานและขอ EU Blue Card เพื่ออาศัยที่เยอรมนี

–          มีสิทธิ์ขอ Permanent Resident ภายใน 2 ปีหลังทำงาน

–          สายงานมาแรง อนาคตไกล ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (โดยเฉพาะ ไอที) วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาตร์

มีงานรองรับมากมาย รายได้ดี มีความก้าวหน้าสูง

 

ภาษาเยอรมันเป็นหนึ่งในข้อกำหนดการรับนักเรียนของมหาวิทยาลัยที่เยอรมนี

นักเรียนต้องยื่นผลการทดสอบภาษาเยอรมัน DSH (Deutsche Sprachprüfung für den Hochschulzugang ausländischer Studienbewerber) หรือ TestDaF (Test für Deutsch als Fremdsprache) ในการสมัครเรียนมหาวิทยาลัยที่เยอรมัน ซึ่งทั้ง DSH และ TestDaF เป็นแบบทดสอบที่มหาวิทยาลัยในเยอรมนียอมรับ นักเรียนที่จะสอบ TestDaF ควรมีระดับภาษาเยอรมันขั้นต่ำอยู่ที่ B2

ระดับภาษาเยอรมัน คือ A1 – C1 (Common European Framework)

Common European Framework (CEFR หรือ CEF) เป็นแนวทางจำแนกระดับภาษาออกเป็นลำดับสำหรับผู้เรียนภาษาต่างๆในแถบยุโรปดังนี้  

Level Group

Level Group

Name

Level

 

Courses

Description

A

Basic user

 

A1

A2

A1.1&A1.2

A2.1&A2.2

Breakthrough or beginner

Way stage or elementary

B

 

 

Independent user

 

 

B1

B2

B1.1&B1.2

B2.1&B2.2

Threshold or intermediate

Vantage or upper intermediate

นักเรียนที่มีสิทธิ์สอบ TestDaF ควรมีภาษาระดับ B2แล้ว

C

 

Proficient user

C1

C2

C1.1&C1.2

C2.1&C2.2

proficiency or advanced

Mastery or proficiency

 โดยเฉลี่ยนักเรียนจะใช้เวลาประมาณ 9 สัปดาห์ต่อการเรียน 1 ระดับ ตัวอย่างเช่นหากนักเรียนเป็นผู้เริ่มเรียน (complete beginner) ก็จะต้องใช้เวลาประมาณ 36 สัปดาห์เพื่อที่จะเรียนจบ B2 (คือเรียน A1, A2, B1 และ B2) เมื่อเรียนจบ B2 แล้วจึงพร้อมเข้าเรียนคอร์ส

เตรียมสอบ TestDaF (TestDaF Exam Preparation Course)

TestDaF – กุญแจสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่เยอรมนี

ผลสอบ TestDaF แบ่งออกเป็น 3 ระดับดังนี้

TestDaF-level 5 (TDN 5 – TestDaF level 5)

TestDaF-level 4 (TDN 4 – TestDaF level 4)

TestDaF-level 3 (TDN 3 – TestDaF level 3)

นักเรียนควรได้ผลทดสอบอย่างน้อยระดับ 4 ซึ่งนอกจากระดับภาษาเยอรมันแล้วการตอบรับจากมหาวิทยาลัยยังต้องพิจารณาถึงผลการศึกษาที่นักเรียนเรียนจบมาและกฎเกณฑ์ต่างๆที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้อีกด้วย

หากนักเรียนได้ผลสอบระดับ 5 ถือว่าระดับภาษาดีเยี่ยม ทั้งนี้เนื่องจากมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีเกณฑ์การรับสมัครนักเรียนแตกต่างกัน ผลพิจารณาจะขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ในกรณีที่นักเรียนได้ผลสอบที่ระดับ 3 อาจต้องดูว่ามหาวิทยาลัยพิจารณารับเข้าเรียนหรือไม่ และหากรับเข้าเรียนมีเงื่อนไขในการรับอย่างไรบ้าง

TestDaF Dates in 2017

Sprachcaffe TestDaF Exam Prep

Course Start Date

Application Deadline

2017

Exam Date

Result Date

27-Feb-17

01-Mar-17  to  29-Mar-17

26-Apr-17

Result on 7-Jun-17

17-Apr-17

19-Apr-17  to  17-May-17

14-Jun-17

Result on 26-Jul-17

22-May-17

24-May-17  to  21-Jun-17

19-Jul-17

Result on 30-Aug-17

24-Jul-17

26-Jul-17  to  23-Aug-17

20-Sep-17

Result on 31-Oct-17

18-Sep-17

21-Sep-17  to  19-Oct-17

16-Nov-17

Result on 28-Dec-17

 

กรอบของเวลาเรียน German Pathways to University Program ที่โรงเรียน Sprachcaffe Languages PLUS

Level – Course Type

Time

A1 – Intensive Course

9 สัปดาห์

A2 – Intensive Course

9 สัปดาห์

B1 – Intensive Course

9 สัปดาห์

B2 – Intensive Course  หรือ หากจำนวนนักเรียนที่เรียน German Pathways เพียงพอ (อย่างน้อย 4 คน) โรงเรียนจะจัดให้เรียนคลาส Pathways B2 – Standard Course เน้นเรียนแบบ academic เพื่อเตรียมภาษาสำหรับเข้ามหาวิทยาลัย

8 สัปดาห์

TestDaF- Exam Preparation Course

8 สัปดาห์

 

การสมัครเรียน German Pathways to University กับโรงเรียน Sprachcaffe มี 2 Options สำหรับนักเรียนไทย

Option 1: สมัครวีซ่านักเรียน (สำหรับผู้สนใจเรียนป.ตรีที่ EAH Jena เท่านั้น)

EAH Jena เป็น partner university ของโรงเรียน Sprachcaffe – Frankfurt

Option 1 นี้ นักเรียนต้องได้ภาษาระดับ A1 นักเรียนเลือกคณะที่ EAH Jena เปิดสอน

ส่งใบสมัครและเอกสารสมัครเรียนให้ EAH Jena โดยเจ้าหน้าที่ Sprachcaffe จะช่วยประสานงานให้

เมื่อมหาลัยตอบรับ จะออก Conditional LOA มาให้ พร้อมกับ Sprachcaffe LOA >>> นักเรียนยื่นขอวีซ่านักเรียน

(หากมหาวิทยาลัยไม่ตอบรับ ให้ดู Option 2 แทนค่ะ หรือ หาก EAH Jena ไม่มีคณะที่นักเรียนสนใจ ให้ดู Option 2 ค่ะ)

 ระยะเวลาที่นักเรียนจะเรียนกับ Sprachcaffe เพื่อเตรียมตัวด้านภาษาเยอรมันสำหรับสอบ TestDaF โดยประมาณคือ

เรียน A2, B1, B2 หลักสูตร Intensive โดย A2 กับ B1 ระดับละ 9 สัปดาห์ ส่วน B2 เรียน 8 สัปดาห์ และต่อด้วย TestDaF Exam Preparation Course 8 สัปดาห์ รวมทั้งหมด 34 สัปดาห์  >>> จากนั้นสอบ TestDaF

หมายเหตุหากมีจำนวนนักเรียน German Pathways เพียงพอ (อย่างน้อย 4 คน ในช่วงเวลานั้นๆ) โรงเรียนจะจัดคลาส Pathways B2 หลักสูตร Standard แทนที่จะเป็น Intensive Course B2เพื่อให้นักเรียนได้เรียนและฝึกภาษาแนว academic เพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย  

ค่าใช้จ่ายมีดังนี้ค่ะ (ราคานี้ยังไม่รวมที่พัก และยังไม่รวมค่าสอบ TestDaF ที่นักเรียนต้องไปชำระที่แฟรงก์เฟิร์ตคือ 175€ ค่ะ)

เมื่อสอบ TestDaF และได้ผล level 4 ถือว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ที่เยอรมันตั้งไว้ 

ในกรณีที่นักเรียนสมัครเรียน ป.ตรี Conditional LOA ของ Jena จะระบุไว้ว่านักเรียนต้องเรียน Bridging Course ซึ่งตามปกติจะต้องเรียน 1ปี (Bridging Course จะเหมือนกับ Foundation Course ค่ะ) 

หากต้องการเรียนมหาวิทยาลัยอื่นที่ไม่ใช่ EAH Jena ก็สามารถทำได้ค่ะ แม้ว่าเราจะได้ Conditional LOA จาก Jena แล้วก็ตาม

โดยนักเรียนสามารถเลือกมหาวิทยาลัยที่สนใจสมัครเรียนมา 5 แห่ง เจ้าหน้าที่ Pathways ของ Sprachcaffe จะช่วยประสานงานส่งใบสมัครให้ค่ะ

Option 2: สมัครวีซ่าเรียนระยะยาว National Visa สำหรับเรียนภาษา (อยู่ได้ไม่เกิน ปี)  — ต้องได้ภาษาเยอรมันระดับ A1 เพื่อยื่นขอวีซ่า

(สำหรับผู้ที่สนใจเรียนป.ตรี และป.โท) Option 2 นี้ นักเรียนไม่ต้องยื่นใบสมัครกับ EAH Jena เพราะ EAH Jena ไม่มีคณะที่นักเรียนสนใจ หรือหากนักเรียนสมัครกับ EAH Jena แล้วแต่ไม่ได้ใบตอบรับ ให้ยื่นขอวีซ่าระยะยาวแบบเรียนภาษา ซึ่งอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี แล้วต้องกลับไทย

กรณีที่นักเรียนมีระดับภาษาเยอรมันอยู่ที่ A1 แล้ว ระยะเวลาเรียนจะเป็นดังนี้

เรียน A2, B1, B2 หลักสูตร Intensive โดย A2 กับ B1 ระดับละ 9 สัปดาห์ ส่วน B2 เรียน 8 สัปดาห์ และต่อด้วย TestDaF Exam Preparation Course 8 สัปดาห์ รวมทั้งหมด 34 สัปดาห์  >>> จากนั้นสอบ TestDaF

หมายเหตุหากมีจำนวนนักเรียน German Pathways เพียงพอ (อย่างน้อย 4 คน ในช่วงเวลานั้นๆ) โรงเรียนจะจัดคลาส Pathways B2 หลักสูตร Standard แทนที่จะเป็น Intensive Course B2เพื่อให้นักเรียนได้เรียนและฝึกภาษาแนว academic เพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย  

นักเรียนสามารถเลือกมหาวิทยาลัยที่สนใจสมัครเรียนมา 5 แห่ง เจ้าหน้าที่ Pathway ของ Sprachcaffe จะช่วยประสานงานส่งใบสมัครให้ค่ะแล้วบินกลับไทยเพื่อรอฟังผลตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่ส่งใบสมัครไว้

หากมีมหาวิทยาลัยตอบรับ มหาวิทยาลัยจะส่ง Conditional LOA มาให้ที่ไทย >>> นักเรียนสมัครวีซ่านักเรียนเพื่อเรียนที่มหาวิทยาลัยนั้นๆ

ค่าใช้จ่ายมีดังนี้ค่ะ (ราคานี้ยังไม่รวมที่พัก และยังไม่รวมค่าสอบ TestDaF ที่นักเรียนต้องไปชำระที่แฟรงก์เฟิร์ตคือ 175€ ค่ะ)

 

FAQ 

คำถามที่ 1  –  ถ้าหาก Conditional Letter of Acceptance ระบุว่าหลังจากที่สอบ TestDaF ผ่านแล้ว นักเรียนต้องเรียน Foundation Course หรือที่เยอรมันเรียกว่า bridging course หรือ “Studienkolleg” มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

คำตอบ ค่าใช้จ่ายสำหรับ Studienkolleg จะไม่แพงเลยค่ะ สำหรับที่ EAH Jena University จะอยู่ที่ €114/ เทอม (ค่าเทอมของที่อื่นก็จะไม่ค่อยต่างกันมากเท่าไหร่ค่ะ) ซึ่งต้องดูว่า Conditional letter of acceptance มักระบุว่าให้เรียน 1 ปี ซึ่งมี 2 เทอม และจะมีสอบ entrance exam เพื่อเข้าเรียน Studienkolleg  ซึ่งค่าใช้จ่ายของ entrance exam ได้รวมอยู่ใน €114 แล้วค่ะ

คำถามที่ 2 –   เมื่อนักเรียนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว สามารถทำงานอย่างถูกกฎหมายได้หรือไม่

คำตอบ นักเรียนจะได้รับอนุญาติให้ทำงานได้ภายใต้เงื่อนไขคือ สามารถทำงานครึ่งวันได้ 240 วันใน 1 ปี (ครึ่งวันคือ 4 ชั่วโมง) หรือ ทำงานเต็มวันได้ 120 วันใน 1 ปี (เต็มวันคือ 8 ชั่วโมง) โดยงานที่สามารถสมัครได้จะต้องอยู่ในหมวดหมู่ “Student jobs” เท่านั้น ไม่สามารถสมัครงานแบบ Full time job ได้ค่ะ เพราะถือว่ายังเป็นนักเรียนนักศึกษาอยู่ ตัวอย่างงานที่สามารถทำได้ได้แก่ งานในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ซึ่งจะได้ limited hour contract ค่ะ นักเรียนสามารถทำงานที่ bar หรือ restaurant ค่าแรงจะอยู่ที่ประมาณ 8.50 – 11 ยูโร/ชั่วโมง หรือจะเลือกทำงานเป็น babysitting ส่งหนังสือพิมพ์ ทำงานในห้างสรรพสินค้าก็ได้ค่ะ

คำถามที่ 3 –   เมื่อนักเรียนต้องการ Blue Card เพื่อใช้ทำงานและอาศัยในเยอรมัน โรงเรียนจะเป็นฝ่ายขอให้หรือนักเรียนขอเอง

คำตอบ นักเรียนจะสามารถสมัครขอ Blue Card หลังจากศึกษามหาวิทยาลัยจบแล้วค่ะ เมื่อมีบริษัทที่ต้องการจ้างนักเรียนเข้าทำงาน และเป็นสาขางานที่กำลังมีความต้องการบุคคลากร นักเรียนสามารถสมัครขอ Blue Card ได้เองค่ะ โดยโรงเรียนจะช่วยให้ข้อมูลต่างๆเพื่อให้นักเรียนเข้าใจขั้นตอนรายละเอียดการสมัครค่ะ

คำถามที่ 4 –   มหาวิทยาลัยที่เยอรมันมีรอบรับนักศึกษาอย่างไรบ้าง

คำตอบ มหาวิทยาลัยที่เยอรมัน จะเปิดรับนักเรียน 2 รอบดังนี้ค่ะ

Winter semester = มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเปิดรับนักเรียนต่างชาติเพื่อเข้าเรียนในเทอมนี้ เริ่มเรียนปลายเดือน September หรือต้นเดือน October เรียนจนถึง March โดยช่วงที่ควรส่งใบสมัครเรียนคือระหว่าง April – June ช้าสุดไม่เกิน July

Summer semester = เริ่มเรียน April จนถึง September มีมหาวิทยาลัยไม่กี่แห่งที่เปิดรับนักเรียนต่างชาติช่วงนี้ค่ะ สามารถสมัครได้ตั้งแต่ December-January เริ่มเรียน March

คณะที่มหาวิทยาลัย EAH Jena เปิดสอนในระดับปริญญาตรี มีดังนี้ค่ะ

http://www.eah-jena.de/fhj/fhjena/en/studium/Studienangebot/Bachelorstudiengaenge/Seiten/default.aspx

Bachelor’s Studies

–          Automation Engineering/Information Technology International, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters

–          Biotechnology, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 6 semesters

–          Business Administration, Bachelor of Arts (B.A.), 7 semesters (Limit number of students)

–          Business Administration & Engineering (Industry), Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters (Limit number of students)

–          Business Administration & Engineering (Information Technology), Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters

–          Business Information Systems, Bachelor of Arts (B. A.), 7 semesters (Limit number of students)

–          E-Commerce, Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters

–          Electrical Engineering/Information Technology, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters

Majoring in:

  Automation Engineering

  Communication and Media Technology

  Computer Engineering

  International/ Intercultural Communication

  Economy

–          Electrical Engineering/Information Technology (For Women of Vision), Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters

–          Environmental Engineering, Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters

–          Environmental Engineering and Development, Bachelor of Science (B. Sc.), 8 semesters

–          Laser- and Optotechnologies, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 6 semesters

–          Materials Engineering, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 6 semesters

–          Mechanical Engineering, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters

–          Mechatronics, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters

–          Medical Engineering, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 6 semesters

–          Optoelectronics, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 7 semesters

–          Optometry/Ophthalmic Optics, Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters

–          Physics Engineering, Bachelor of Science (B. Sc.), 7 semesters

–          Precision Engineering, Bachelor of Engineering (B. Eng.), 6 semesters

–          Social Work, Bachelor of Arts (B. A.), 7 semesters (Limit number of students)

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณขณะศึกษาในมหาวิทยาลัย (ข้อมูลจาก DAAD: www.daad.co.th)

ค่าใช้จ่ายซึ่งรวมถึงค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าซักรีด ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลสุขลักษณะ การเดินทาง อุปกรณ์การศึกษา และสำหรับการประกันสุขภาพ ค่าโทรศัพท์ ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมยามว่างต่าง ๆ ทั้งหมดโดยประมาณอยู่ระหว่าง 800 – 900 ยูโรต่อเดือน

ตัวอย่างค่าใช้จ่ายรายเดือนโดยเฉลี่ยของนักศึกษาต่างชาติ

ค่าที่พัก 250 – 350   ยูโร
ค่าประกันสุขภาพ (สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี) 85   ยูโร
ค่าอาหาร 110 – 165   ยูโร
ค่าเสื้อผ้า 55   ยูโร
ค่าเดินทาง 85   ยูโร
ค่าอุปกรณ์การศึกษา 30   ยูโร
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต หรือกิจกรรมยามว่าง 100   ยูโร
– เฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อคน
เดือนละ 800 – 900   ยูโร
ปีละ 9,600 – 10,800   ยูโร

ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายของแต่ละบุคคล อาจแตกต่างกันไป เช่น ถ้าอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ เช่น มิวนิค หรือฮัมบวร์ก คุณก็จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าอยู่ในเมืองเล็ก ๆ

คุณสามารถขอคำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการเงิน การใช้ชีวิต การดูแลสุขภาพ และความรู้ทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ได้จากกองบริการนักศึกษา หรือ Studentenwerk โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ www.internationale-studierende.de/en/prepare_your_studies/

 

Powered by Facebook Comments free add-on for most feature packed social sharing plugin for WordPress Easy Social Share Buttons

PHP Code Snippets Powered By : XYZScripts.com
error: Content is protected !!
Send this to a friend